เรียนรู้เกี่ยวกับชั้นและประเภทของกระดาษลูกฟูก พร้อมวิธีการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสินค้าของคุณ เพื่อการปกป้องและบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ
กระดาษลูกฟูกเป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ หรือสินค้าอุปโภคบริโภค ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน แต่มีน้ำหนักเบา จึงสามารถปกป้องสินค้าได้ดีระหว่างการขนส่งและจัดเก็บ
กระดาษลูกฟูกมีหลายประเภทและหลายชั้น ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติแตกต่างกัน การเลือกใช้กระดาษลูกฟูกให้เหมาะสมกับลักษณะของสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และเพิ่มความปลอดภัยให้กับสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักประเภทของกระดาษลูกฟูก และแนวทางในการเลือกใช้ให้เหมาะกับสินค้าของคุณ
กระดาษลูกฟูก คืออะไร?
กระดาษลูกฟูกเป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมขนส่งและการจัดเก็บสินค้า โครงสร้างของกระดาษลูกฟูกประกอบด้วยแผ่นกระดาษแบน (Liner) และกระดาษลอน (Flute) ที่ถูกนำมาประกบกันเป็นชั้นๆ ทำให้เกิดความแข็งแรง ทนทาน และสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี
ด้วยคุณสมบัติที่น้ำหนักเบา แต่ยังคงความแข็งแรง กระดาษลูกฟูกจึงถูกนำมาใช้ในการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ ยังสามารถออกแบบให้มีความหนาและความแข็งแรงที่แตกต่างกันตามความต้องการของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นกล่องสำหรับสินค้าทั่วไป หรือกล่องที่ต้องรองรับน้ำหนักมาก
นอกจากความสามารถในการปกป้องสินค้าแล้ว กระดาษลูกฟูกยังเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ประเภทของกระดาษลูกฟูก และจำนวนชั้นที่มีให้เลือก
กระดาษลูกฟูกสามารถแบ่งตามจำนวนชั้นได้หลักๆ ดังนี้
1.กระดาษลูกฟูก 2 ชั้น (Single Face Corrugated)
- ประกอบด้วยกระดาษแผ่นเรียบ 1 แผ่น และกระดาษลอนลูกฟูก 1 แผ่น
- ใช้รองสินค้าหรือห่อหุ้มผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันการกระแทก
- เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น ห่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเซรามิก
2.กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น (Single Wall Corrugated)
- ประกอบด้วยกระดาษแผ่นเรียบ 2 แผ่น และกระดาษลอนลูกฟูกตรงกลาง 1 แผ่น
- มีความแข็งแรงและสามารถรับน้ำหนักได้พอสมควร
- เหมาะสำหรับกล่องบรรจุภัณฑ์สินค้าทั่วไป เช่น กล่องพัสดุ กล่องขนม กล่องสินค้าออนไลน์
3.กระดาษลูกฟูก 5 ชั้น (Double Wall Corrugated)
- ประกอบด้วยกระดาษแผ่นเรียบ 3 แผ่น และกระดาษลอนลูกฟูก 2 ชั้น
- มีความแข็งแรงมากขึ้น ทนต่อแรงกดและแรงกระแทกได้ดีกว่าแบบ 3 ชั้น
- เหมาะสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก หรือสินค้าที่ต้องการป้องกันแรงกระแทกสูง เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า
4.กระดาษลูกฟูก 7 ชั้น (Triple Wall Corrugated)
- ประกอบด้วยกระดาษแผ่นเรียบ 4 แผ่น และกระดาษลอนลูกฟูก 3 ชั้น
- มีความแข็งแรงสูงสุด ใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการรองรับน้ำหนักมากและต้องการป้องกันแรงกระแทกสูงสุด
- นิยมใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น เครื่องจักรกล หรือชิ้นส่วนยานยนต์
สาระน่ารู้: กระดาษลูกฟูกแบบ 3 ชั้น 5 ชั้น และ 7 ชั้น แตกต่างกันอย่างไร?
ประเภทของลอนกระดาษลูกฟูก และการเลือกใช้งาน
ลอนกระดาษลูกฟูกมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของลอนกระดาษลูกฟูกและวิธีการเลือกใช้งาน
1.ลอน B
- ความสูงลอน ประมาณ 2.5-3.0 มิลลิเมตร
- มีขนาดลอนเล็ก แข็งแรง และสามารถรับแรงกระแทกได้ดี
- เหมาะสำหรับการบรรจุสินค้าที่มีน้ำหนักมาก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อุตสาหกรรม
2.ลอน C
- ความสูงลอน ประมาณ 3.5-4.0 มิลลิเมตร
- มีขนาดลอนที่ใหญ่กว่า B จึงมีความสามารถในการรองรับแรงกระแทกที่ดีกว่า
- ใช้สำหรับบรรจุสินค้าทั่วไป เช่น กล่องขนส่งสินค้า
3.ลอน E
- ความสูงลอน ประมาณ 1.5-2.0 มิลลิเมตร
- มีลอนขนาดเล็กมาก ทำให้สามารถพิมพ์ลวดลายได้อย่างละเอียด
- เหมาะสำหรับกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการดีไซน์สวยงาม เช่น กล่องเครื่องสำอางและสินค้าพรีเมียม
4.ลอน BC (ลอนคู่ B และ C)
- ความสูงลอน ประมาณ 5.5-7.0 มิลลิเมตร
- เป็นการรวมคุณสมบัติของลอน B และ C เข้าด้วยกัน ทำให้มีความแข็งแรงและทนทานสูง
- เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ เช่น กล่องผลไม้หรือสินค้าส่งออก
การเลือกใช้กระดาษลูกฟูกให้เหมาะกับสินค้า
- สินค้าเบาและขนาดเล็ก เช่น อุปกรณ์เสริมโทรศัพท์ เครื่องสำอาง ควรใช้ กระดาษลูกฟูก 3 ชั้นลอน E
- สินค้าขนาดกลาง น้ำหนักปานกลาง เช่น หนังสือ เสื้อผ้า ควรใช้ กระดาษลูกฟูก 3 ชั้นลอน B หรือ C
- สินค้าหนักและต้องการการป้องกันสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ควรใช้ กระดาษลูกฟูก 5 ชั้นลอน BC
- สินค้าส่งออกหรือสินค้ามูลค่าสูง ควรเลือก กระดาษลูกฟูก 7 ชั้น เพื่อความแข็งแรงสูงสุด
ข้อดีของการใช้กระดาษลูกฟูก ที่นำมาผลิตเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์
- น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ทำให้สะดวกต่อการขนส่ง
- ลดต้นทุนในการบรรจุภัณฑ์ เมื่อเทียบกับวัสดุอื่น ๆ เช่น ไม้หรือพลาสติก
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถรีไซเคิลและย่อยสลายได้ง่าย
- รองรับแรงกระแทกได้ดี ป้องกันสินค้าจากความเสียหายระหว่างการขนส่ง
สรุป
การเลือกใช้กระดาษลูกฟูกที่เหมาะสมกับสินค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันความเสียหาย และเพิ่มความปลอดภัยในระหว่างการขนส่ง กระดาษลูกฟูกมีหลายประเภทและหลายขนาดลอน ซึ่งสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมของสินค้า เพื่อให้ได้บรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงสุด ทั้งนี้ การเลือกใช้กระดาษลูกฟูกที่ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน เช่น ISO 9001:2015 และ FSC:COC จะช่วยให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์มากยิ่งขึ้น
อ่านบทความเพิ่มเติม: กล่องกระดาษลูกฟูก มีกี่ประเภท เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับสินค้า